สรุปการจัดการเชิงกลยุทธ์ MBA ป.โท
สรุปเนื้อหาการจัดการเชิงกลยุทธ์ MBA ป.โท
วิเคราะห์ประเมินผลภายในองค์กรสูตรการดำเนินการในระยะยาวโดยข้อดีของการจัดการเชิงกลยุทธ์ก็คือจะทำให้เราเห็นภาพภาพมุมกว้างแล้วก็วิสัยทัศน์ขององค์กรหรือว่าธุรกิจภายในอนาคตแล้วก็ทำให้เราเห็นภาพว่าธุรกิจเราและปัจจุบันเราควรให้ความสำคัญกับตรงไหนจุดไหนควรจะมีในด้านไหน พัฒนาธุรกิจหรือองค์กรในอนาคตต่อไปในระยะยาวแล้วทำให้เราเข้าใจสภาพของธุรกิจของเราและปัจจุบันด้วยโดยโมเดลของการจัดการกลยุทธ์ตามตำแหน่งไปทั้งหมด 4 ด้านคืออันไหนก็คือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมก็จะแบ่งเป็นทั้งสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมภายนอกซึ่งทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกเหมือนเครื่องมือในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันโดยสภาพแวดล้อมภายในเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ก็จะประกอบด้วย vio framework7 extrovert สุวรรณการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเครื่องมือที่เราใช้วิเคราะห์นั่นก็คือจะแบ่งเป็นทาง Element Social environment environment ซึ่งเครื่องมือ ต่อไปส่วนอันที่สองก็คือการวางแผนกำหนดกลยุทธ์ซึ่งอันนี้เราก็จะต้องมาวางแผนแบ่งเป็น 3 ระดับทำทุกระดับนั่นก็คือระดับองค์กรระดับธุรกิจแล้วก็ระดับหน้าที่ซึ่งแต่ละอันละอย่างระดับองค์กรมันก็จะเหมือนการวางแผนรวมขององค์กรส่วนระดับธุรกิจก็คือยอดลงมาหน่อยแล้วก็ราดหน้าที่ก็จะละเอียดขึ้นมาในแต่ละหน้าที่แต่ละ segment แต่ละฝ่ายภายในองค์กรต่อไปก็จะเป็นอันดับสุดท้ายก็คือการควบคุมติดตามและประเมินผลก่อนอายุต่างๆในมุมที่ว่าเราเอากลยุทธ์มาใช้อ่ะแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าตัวนี้ดีหรือไม่ดีควรเอามาใช้ต่อในปีถัดไปไหมว่าควรจะเลือกใช้เราก็จะต้องมีการติดตามและประเมินผลกลยุทธ์นั้นว่ามันจะส่งผลดีกับ โดยมันก็จะมีเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมติดตามมันก็เหมือนคนละกันโดยมาดูอันแรกนั่นก็คือ
ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมราคาอย่างที่บอกไปว่าการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจะแบ่งเป็น 2 อย่างคือสภาพแวดล้อมภายในกับภายนอกโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเราก็จะจำง่ายๆมันคือสิ สีเคาน์เตอร์ก็คือจตุรธรรมภายในองค์กรว่าวัฒนธรรมในองค์กรและพนักงานทุกคนมีวัฒนธรรมภายในองค์กรที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรหรือไม่ต่อไป S ก็คือฉันรักเธอก็คือโครงสร้างขององค์กรโดยโครงสร้างขององค์กรก็จะมีหลายแม่จึงนึกถึงว่าเป็นแผนภาพอาจจะมีเป็นแนวตั้งหรือว่าเป็นแนวนอนโดยโครงสร้างองค์กรที่ดีก็คือจะเป็นแสนแล้วก็คือเป็นโครงสร้างองค์กรคือว่าแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายขายแบ่งหน้าที่สุดเหมือนกันชัดเจนแล้วแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายก็มีอำนาจในการตัดสินใจที่ชัดเจนไปเลยซึ่งตรงนั้นมันจะทำให้เราทำงานได้ง่ายได้เร็วเราก็เหมือนเราแยกทีมผลิตที่ Marketing Team Post Marketing อะไรแยกกันไปชัดเจนเลยต่อไปอันที่ 3 ก็คือ resource resource ภายในองค์กรก็จะมีทั้งที่เป็นทรัพยากรต่างๆไม่ว่าจะ หรือว่าต้องมีอะไรสักอย่างตอนเวลาอะไรที่จะต้องใช้เพื่อให้องค์กรดำเนินต่อไปโดยทั้ง css CSR เนี้ยมันก็จะเป็นโครงสร้างที่เราจะต้องวิเคราะห์ภายในองค์กรต่อไปมาพูดถึงเครื่องมือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเรื่องนี้น่าจะแบ่งเป็น 3 เครื่องมือ 7 s แล้วก็วางลูกชิ้นใช่ไหมอันเนี้ยเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์มาดูเครื่องมือแรกก็คือ vio framework มันตรงตัวเลยคือ vio ก็จะแบ่งเป็นว่าวีก็คือแวลู่คือเราต้องวิเคราะห์ว่าองค์กรธุรกิจมีคุณค่าดีพอไหมที่จะชคู่แข่งแล้วก็เราวิเคราะห์เสียงมันก็จะนำไปสู่เดี๋ยวมันจะไปในการสร้างตนเองต่อไปว่าถ้าคุณค่าดีพอไม่พอแล้วเราก็จะต้องกำหนดกลยุทธ์ คือธุรกิจผลิตภัณฑ์ผัวเมียหาได้ยากไหมแข็งนี้มีโอกาสที่จะบอกว่าทำผลิตภัณฑ์มาแข่งกับเราได้หมดอย่างละเท่าไหร่ต่อไปอายก็คือมีพิรุธอีกอันนี้ก็คือการความสามารถของนักเรียนแบบมีของคำว่าสินค้าเขาด่ากูว่าธุรกิจผลิตภัณฑ์ของเราอันนี้มันต้องใช้สกิลเหมือนกันว่าเป็นแบบได้ง่ายยากง่ายเท่าไหร่หรือว่าบางธุรกิจ ต้องใช้ความชำนาญหรือว่ามีสูตรเฉพาะซึ่งเลือกเล่นแบบได้ยากอันนี้ก็คือมีขอไปประมาณอย่างนั้นต่อไปก็คือ calibration อันนี้ก็คือจะใช้ใช้ดูว่าเราอ่ะมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้คุณค่ามีประสิทธิภาพแล้วก็มีประสิทธิผลมากน้อยเท่าไหร่โดยในภายในองค์กรหรือภายในธุรกิจนี้ก็ควรที่จะทำงานให้เป็นระบบแล้วก็ให้คน เฉพาะด้านความรู้ความเ****วชาญแล้วก็เพื่อให้องค์กรโดดเด่นโดดเด่นเอาชคู่แข่งได้แล้วก็คนอื่นเลียนแบบอย่าต่อไปจะเป็นเครื่องมือที่ 2 นั่นก็คือการใช้โครงสร้าง 7s ในการเอามาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในโดย 7s นี้ก็จะประกอบด้วยตัวที่ 1 ก็คือสติ๊กเกอร์อันนี้ก็คือโครงสร้างคล้ายๆของ vio framework หรือว่าอันนี้เหมือนกันก็คือดูว่าโครงสร้างเนี้ย
ช่วยเกื้อหนุนอยู่ว่าช่วยผลักดันให้ผลการทำงานนี้มันบรรลุวัตถุประสงค์หมายต่อไปจะดูที่ตัวที่สองก็คือการกำหนดกลยุทธ์ราคาถูกทุกวันนี้ธุรกิจหรือองค์กรนี้เน้นการใช้กลยุทธ์ด้านไหนต่อไปก็คือเจมส์ก็วิเคราะห์ว่ามีระบบการทำงาน เทคโนโลยีอะไรมาช่วยอะไรมาให้ประเทศทำระบบการทำงานอย่างนี้ดีขึ้นแล้วก็ชิวชิวคือทักษะเฉพาะว่าธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์นี้จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรที่เป็นเฉพาะด้านไหนที่มันแบบว่าต้องใช้ผู้เ****วชาญเฉพาะด้านเนี่ยอันนี้มันจะส่งผลไปใน ความสามารถในการลอกเลียนแบบได้ไหมอะไรต่อไปก็คือทรายตายก็คือเน้นว่าคือต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วยคือทุกอย่างต้องสอนของเราก็สนับสนุนวัตถุประสงค์ขององค์กรของธุรกิจต่อไปก็คือจะเป็นสต๊าฟทราบหลักการในการดูคนก็คือว่าเราให้คนทำงานต่างประเทศคนถูกงานไหมแล้วก็เหมือนกับว่าเราพนักงานที่ทำอยู่ทุกวันเนี้ยจำเป็นจะต้องได้รับการเทรนนิ่งการอบรมสกิลอะไรเพิ่มไหม พัฒนางานพัฒนาองค์กรเพิ่มมากขึ้นเพราะต่อไปสุดท้ายก็คือแชร์แหวนลูกคุณคือค่านิยมร่วมว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์มีค่านิยมอะไรร่วมกันไหมที่จะทำให้บอกว่าตรงนี้เป็นจุดเด่นว่าเป็นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ทุกอย่างก็คือจะเหมือนกับว่าเราวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เป็นอยู่อันนี้มันสอดคล้องกับวัตถุประสงค์มันไปในแนวทางที่ถูกต้องและอย่างโดยเน้นเรื่องว่าความสอดคล้องเลยเพื่อดูว่าถ้ามันไม่สอดคล้องกับหนูจะได้ขอเปลี่ยนไปในทางเดียวกันให้มันมันบอกว่าถูกประสงค์แบบสนับสนุนทำไปได้ทุกๆด้านต่อไปเครื่องมือที่ 3 นั่นก็คือแวลู่เชนมีจะเป็นการอธิบายกิจกรรมภายในโซ่อุปทานจะประกอบด้วยกลุ่มกิจกรรมภายในบริษัทหรือภายในองค์กรที่มันมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันเราก็สามารถนำไปวางแผนในการจัดการทรัพยากรการระบบการทำงานภายในองค์กรได้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ แบ่งเป็นกิจกรรมกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมเสริมกิจกรรมหลักนี้ก็จะประกอบด้วย Marketing ลองนึกถึงความเป็นจริงว่าเวลาเราทำผลิตภัณฑ์สินค้าและของมาขายมันจะต้องอะไรบ้างมันก็เริ่มแต่งตัวเองพูดมาเลยจะทำเหมือนว่าสิ่งที่จะมีเคราะห์เราก็ต้องดูว่าในการขนส่งเป็นยังไงวัตถุดิบ supplier เป็นยังไงต้นทุนการขนส่งให้มากที่สุดต่อไปเพราะเสียแล้วก็คือขั้นตอนการส่งของก็ควรจะมีการวางแผนให้ส่งตรงเวลาต่อไปก็จะเป็นเอาพูดเอาพูดนั่นก็คือการกระจายสินค้าควรเป็นช่องทางไลน์แล้วก็คุ้มค่ามากที่สุดแล้วก็ marketing คือการนำเอาไปออกสู่ตลาดได้ไหมจบมาเกรดอะไรก็จะมาเองต่อไปก็จะเป็นการบริการหลังการขายต้องมีการติดต่อลูกค้าซึ่งไม้เพื่อให้เราสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงจุดต่อไปจะเป็นกิจกรรมเสริมซึ่งกิจกรรมนี้ก็คือจะเป็นกิจกรรมที่ที่ช่วยให้กิจกรรมหลักดำเนินการได้ดีขึ้นง่ายขึ้นเร็วขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นประกอบด้วยการจัดการทั่วไปและผู้ปกครองสร้างพื้นฐานต่างๆภายในองค์กรไม่มีจะเป็นหลักการบัญชีการเงินหรือว่าการจัดการกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากรบุคคล HR หน้าที่ของ HR ก็คงเลือกคนให้ถูกกระต๊อบพัฒนาคนพัฒนาพนักงานภายในองค์กรต่อไปก็จะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการวิจัยพัฒนาสินค้าและพัฒนานวัตกรรมอะไรสินค้าผลิตภัณฑ์ผู้ชายในองค์กรล่ะสุดท้ายก็จะเป็นเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างแล้วก็อันนี้คันการจัดซื้อจัดจ้างที่จะต้องจัดการสต๊อกในการจัดหาวัตถุดิบไหมเราก็ต้องวางแผนยังไงเลื่อนการรับเงินเดือนในการส่งสินค้าภายในสต๊อกจะขาดแล้วจะต้องสั่งต่างจากซื้อจัดจ้างจาก supplier ทั้งหมดในส่วนของแวลู่เชนนั่นก็คือจบละ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในก็คืออันนี้เรื่องเครื่องมือไหนก็ได้แต่ส่วนใหญ่แล้วล่ะเขายอมเขาจะเป็น Value chain ที่เอาเครื่องมือมาใช้ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในต่อไปก็จะเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกโดยอันนี้หนูจะเป็นภาพที่ขึ้นมาให้ดูซิว่าให้มองภาพออกว่าพอภายในมันเป็นต้นซึ่งในส่วนภายนอกมันจะแบ่งเป็น 3 สุดนั่นก็คือเป็นโชค environment ก็คืออันที่ราบสูงเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติสภาพอากาศภูมิ
ประเทศอะไรวะมันจะส่งผลอย่างไรเราก็ลงมาก็จะเป็น Social environment อันนี้จะเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางด้านสังคมวัฒนธรรม ลงมาของเล็กที่สุดของสภาพแวดล้อมภายนอกนั้นก็คือเป็นการวิเคราะห์อุตสาหกรรมก็คือจะเป็นว่าวิเคราะห์ในงานอุตสาหกรรมโดยเข้ามาดูอันแรกอันนี้เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์วิเคราะห์โดยใช้ five force model อย่างที่บอกไปว่าประกอบด้วยธาตุบวกกับอันนึงก็คือสำนักสงฆ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย 5 อันนั้นน่ะก็แบ่งเป็นจับคู่ต่อสู้และก็คือผู้ขายกับผู้สูงอายุก็ดูยากอํานาจการต่อรองของผู้ขายมีมากน้อยเท่าไหร่แล้วเวลาเราดูคู่ขายแล้วก็ดูด้วยว่าเขามีการส่งของมาหลายครั้งที่ในการส่งของเพื่อเราสามารถเอาตรงนั้นน่ะหลังจากจัดการกันเลยหาสินค้าหรือบริหารสินค้าคงคลังภายในสต๊อกได้แล้วก็สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้ว่าคงจะดี เรือนไมล์ 6 เดือนต้องเหลือกี่เปอร์เซ็นต์แล้วถึงจะรี Order ต่อไปซื้อก็ซื้อเราก็มีการต่อรองของผู้ซื้อของการแล้วสิ่งที่เราต้องระวังคือว่าในยุคออนไลน์ Social อะไรขนาดนี้คือผู้ซื้อเขามีอำนาจการต่อรองที่สุดเนื่องจากอะไรเพราะซื้อสินค้าที่เขาต้องการมันมีผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นมาในหน้าจอโทรศัพท์หรือว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์เยอะมากและของที่จะเปรียบเทียบราคาเปรียบเทียบคุณภาพเปรียบเทียบการรีวิวเปรียบเทียบทุกอย่างง่ายขึ้นเพราะฉะนั้นส่วนใหญ่อํานาจการต่อรองของผู้ซื้อทุกวันนี้คือจะสูงต่อไปเป็นคู่ที่ 2 นั่นก็คือผู้แข็งแกร่งภายในอุตสาหกรรม กูแข่งขันในอุตสาหกรรมไงก็รู้ว่าคู่แข่ง
มีใครบ้างเขามีจุดเด่นอะไรเขาใช้กลยุทธ์อะไรมีข้อดีข้อด้อยอะไรเพื่อเราอาจจะนำข้อด้อยของเขามาเป็นกลยุทธ์หลักในของเราก็ได้ในเพจต่อไปเป็นคู่แข่งรายใหม่เข้าแข่งรายใหม่ก็คือดูว่าเขามีโอกาสที่จะเข้ามาในธุรกิจเราในอุตสาหกรรมเราได้มากน้อยเท่าไหร่อุตสาหกรรมเราต้องใช้เงินทุนเยอะไหมต้องมีความเฉพาะทางในการผลิตสินค้าหรือว่าพัฒนาสินค้ามากน้อยเท่าไหร่เพื่อที่ว่า เอามาประเมินว่าคู่แข่งรายใหม่และจะสามารถเข้ามาในธุรกิจในอุตสาหกรรมได้ยากหรือง่ายก็ไปอันที่ 5 อันสุดท้ายก็คือสินค้าทดแทนอย่างที่บอกไปในส่วนของการตลาดก็คือสินค้าทดแทนคือสินค้าอะไรก็ได้ที่มันสามารถตอบโจทย์ต่อวัตถุประสงค์ของลูกค้าว่าลูกค้าต้องการสิ่งนี้เขาสามารถให้ทดแทนในสินค้าของเราได้แล้วก็ดูว่าสินค้าทดแทนมีมากน้อยเท่าไหร่อย่าเอามาเป็นประกอบกับการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของเราอันนี้ก็จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ของ ต่อไปเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ของ Social environment Social environment นี้มันคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางด้านสังคมวัฒนธรรมแล้วเครื่องมือที่ใช้มีอันเดียวจะไม่เหมือนกันเลยก็คือเพชรอะไรเนี้ยมันตรงๆเลยพี่อีกทีดูอะไรบ้างเพชรปีคือ political จำว่าเป็น 2 กมก็คือกฎหมายกับการเมืองกฎหมายมีกฎหมายอะไรไหมที่เป็นทั้งประโยชน์หรือว่ากฎหมายอะไรหมายที่เหมือนกับว่าเป็นภัยคุกคามหรือว่าเป็นอุปสรรคในการทำสินค้าผลิตภัณฑ์ของเราและการเมืองการเมืองปัจจุบันสถานการณ์น้ำปัจจุบันนี้การเมืองมีผลต่อการยอดขายไหมมีผลการผลิตสินค้าของเราไหมต่อไปนี้คือ Economic ก็คือทางด้านเศรษฐศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นว่าต้นทุนรายได้สัมพันธ์กันไหม GDP สถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้มันเป็นอย่างไรมันจะรวมของ Social กับเขาเจอกับคนอื่นในด้านสังคมและวัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนจำเป็นต้องใช้ของของเราไหมคือบางทีว่าธนาคารที่เปลี่ยนเหมือนเราขายของคนไทยกับเราไปขายในต่างประเทศอย่างเงี้ยวัฒนธรรมที่แตกต่างกันก็อาจจะส่งผลต่อทัศนคติหรือว่าพฤติกรรมการใช้ของเราที่แตกต่างกันเหมือนกันก็อันนี้ก็มาวิเคราะห์ว่าวัฒนธรรมวิถีชีวิตหรือว่าพฤติกรรมของคนนี้เป็นลักษณะอย่างไร รหัสต่อไปหน้าสุดท้ายก็คือทีเทคโนโลยีอันนี้ก็จะดูว่าเราสามารถนำเทคโนโลยีหรือว่านำเทคโนโลยีมาพัฒนาในด้านการวิจัยและพัฒนาในด้านสินค้าอะไรต่างๆเนี้ยได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพหรือยังถ้ายังเราควรจะพัฒนาอย่างไรต่อไปก็คือวิเคราะห์ออกมาว่าเราใช้เทคโนโลยีให้มันคงขาดหรือเปล่าอันนี้ก็จบในส่วนของเพศอะไรต่อไปเป็นการวิเคราะห์ของ naturalist ก็คือสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันนี้ง่ายๆคือเราดูว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติทางชื่อหนึ่งว่าสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศ ผลเสียยังไงต่อองค์กรธุรกิจต่อผลิตภัณฑ์ของเราว่าชื่อทั้งหมดของในส่วนของการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพราะเป็นขั้นตอนนี้ผมเข้าตอนแรกมันคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมใช่ไหมตัวเองภายในภายนอกและภายในจะมี 3 เครื่องมือมึงมีเจนมีอะไรก็จะแบ่งเป็น 3 คันก็เป็น Android เม้นก็คือดูสภาพแวดล้อมทั้งนั้นแหละธรรมชาติเลยต่อไปเป็น Social environment ก็จะดูเพชรใช้เพชรขนาดนี้แล้วก็ ขั้นตอนในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจบแล้วก็มันจะมาถึงขั้นตอนในการกำหนดกลยุทธ์โดยการกำหนดกลยุทธ์เนี้ยจะต้องทำทั้งแถบเนี้ยเรียงลำดับไปเลยอันนี้คือการสร้างวิสัยทัศน์ Vision True Vision จำง่ายๆว่ามีวอแหวนวิสัยทัศน์คือเวอร์ ขึ้นมาเช่นจะเป็นอันดับ 1 ในเอเชียในไทย 1 ปีจะเป็นเหมือนกันว่าบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับในโลกภายใน 5 ปีต้องไปเพราะต้องมีใครทักเราก็ถือว่าพันธกิจต่อว่าเราจะถ้าอยากให้บรรลุวิสัยทัศน์พันธกิจคือสิ่งสิ่งที่ทำให้เราจะต้องทำยังไงจะต้องทำปฏิบัติอะไรบ้างถึงจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์วิสัยทัศน์กันได้ต่อไปเพราะวิสัยทัศน์พันธกิจแสนก็มากำหนดวัตถุประสงค์วัตถุประสงค์เนี้ยตามชื่อเลยมาถึงวัดใช่ไหมเพราะฉะนั้นมันจะต้องเป็นอะไรที่เราสามารถทำได้นั่นก็คือจะต้องมีการกำหนดเวลาให้ชัดเจนให้สามารถวัดได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่มาเลยอย่างเช่นขายเพิ่มขึ้น ใน 1 ปีหรือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายใน 3 ปีเพราะฉะนั้นเราก็จะรู้แล้วว่า 3 ปีแล้วก็ต้องมาดูแลว่าเพิ่มมากขึ้นตามที่เรากำหนดไว้หรือเปล่าหลังจากนั้นน่ะพอเราตั้งวิสัยทัศน์พันธกิจกำหนดวัตถุประสงค์เสร็จเราก็เอามา
วิเคราะห์ SWOT analysis เราก็นำมากำหนดกลยุทธ์เป็นจาก อะไรเสร็จก็มาต่อด้วยเท้าสวมสิทธิ์ด้วยจุดแข็งจุดอ่อนโอกาสอุปสรรคแล้วจากการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนโอกาสอุปสรรคอะไรอันนี้มันเป็นการประเมินสถานการณ์ภายในองค์กรณปัจจุบันใช่ไหมเพราะว่าเราจะเอาไปวางแผนกลยุทธ์ภายในอนาคตระหว่างที่เราจะไปกำหนดกลยุทธ์เป็นทั้งประเทศก็จะต้องผ่านการวิเคราะห์ analysis ตัวอย่างนั้นก็ถูกในสายไฟฟ้าด้วยไอฟ้าใสก็มาถึงตาราง ifas คือการนำข้อมูลจากการวิเคราะห์ปัจจัยภายในมาวิเคราะห์เพื่อหาปัจจัยภายในอะไรที่เราควรปรับปรุงจุดแข็งจุดอ่อนจุดของปัจจัยโอกาสอุปสรรคของปัจจัยภายนอกดังนั้น W เขียนตารางไม่จำเป็นหรือว่าจะขึ้นไปก็ดีขึ้นโดยช่องแรกมาดูตามตารางเลยจะเป็นจุดแข็งจุดอ่อนแล้วก็ต่อไปก็เป็นของเขาจะเป็นเด็กเก็บค่าช่องที่ 4 คือประกอบด้วยแขนถ่วงน้ำหนักต้องไปหาช่างโดยจุดแข็งเราก็ต้องมาดูเลยว่าบริษัทเรามีจุดแข็งอะไรบ้างเลยส่งมาเลยจะเป็นจุดแข็งอะไรก็ได้เอามาให้เรามีอะไรบ้างจากนั้นหรือว่าน้ำหนักอันนี้เราเราใส่เป็นเลขตั้งแต่ส่วนสูงถึงหนึ่งอย่าลืมว่าทั้งแถมทั้งจุดแข็งจุดอ่อนของปัจจัยภายในทั้งหมดรวมกันตรงนี้มันต้องเท่ากับ 1 พี่จะใส่ 0.5 ก็ได้มาให้หมดก่อนแล้วจะถามว่าอันไหนสำคัญเท่าไหร่ก็คือเห็นมันบอกความสำคัญมากน้อยเท่าไหร่ มันบอกถึงการที่ถ้าสมมุติว่าเราเป็นจุดแข็งเราใช้ประโยชน์จากจุดแข็งแรงได้มากน้อยเท่าไหร่พี่ไปตั้งแต่เที่ยงนี้ไม่ต้องมารวมเพราะฉะนั้นเราใส่ไปได้เลยว่า 1-5 มาใช้ประโยชน์ได้มากเท่าไหร่หรือว่าจุดแข็งอยู่ในระดับไหนถ้าเทียบกับคู่แข่งเราอาจจะพูดถึงก็มีเหมือนกันแล้วเราอยู่ในระดับไหนถ้าเทียบกับเขาต่อไปเราก็จะประเมินว่าทุกวันนี้มีผลกับธุรกิจมากหรือน้อยเท่าไหร่หรือว่าตอนนี้เรารักมึงได้มากน้อยเท่าไหร่ก็คือไตไป 1 ข้างแรงทั้งจุดแข็งจุดอ่อนได้ดังนั้นเราก็จะเอาตัวเองมาคูณกับเน็ตเองแล้วก็จะได้ค่าคอมสกอร์ขึ้นมาแล้วก็ comment อาจจะเป็นแบบว่ารายละเอียดเพิ่มเติมของจุดแข็งหวานอย่างเช่นตัวอย่างไหนที่บอกว่าจุดแข็งของเราคือมีผู้เ****วชาญมีคนที่ชำนาญเฉพาะทางถนนก็คือว่าเธอทำไมเราถึงมีอะไรเพราะว่าบริษัทเราเปิดมานานทำให้แบบว่ามันมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอะไรอย่างนี้หรือว่าอย่างที่ตัวอย่างเงี้ยคือเรามีกลุ่มเป้าหมายเขียนไม่ชัดเจนแล้วจะชวนพี่สาวเห็นความสำคัญเยอะเหมือนกันทุกวันนี้เพราะฉะนั้นเรตติ้งมึงถึง 5:00 แสดงว่ามันมีผลต่อบริษัทมากแล้วก็ทำให้เราสามารถมาให้ความสำคัญในการทำน้ำพุร้อนตรงนี้ไปกำหนดคนอื่นๆว่าเราควรจะมาเริ่มทำกลยุทธ์จากตรงนี้มันเหมือนกับว่าให้ความสำคัญหรือว่าถ้าในมุมของจุดแข็งเราก็จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นและเราก็ถามว่าเขายังมีกลยุทธ์ในฐาที่สามารถเอาชคู่แข่งได้อย่างชัดเจนเลยเขาพูดกันว่าไม่ได้มีจุดแข็งในด้านนี้ต่อไปเป็นสีฟ้าสีฟ้าก็คือ External Internal ราคาก็คือเป็นการนำข้อมูลจากการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกโอกาสอุปสรรคและนำมาวิเคราะห์จุดที่ต้องแก้ไขหัวที่ต้องปรับปรุงทำตารางเป็น 5 ช่องเหมือนกันชอบอะไรก็กูบอกว่าเรามีโอกาสอะไรเช่นทุกวันนี้เข้าสังคมผู้สูงอายุก็คือจะเป็นโอกาสอันดีสมมุติเราทำผลิตภัณฑ์ให้เป็นอาหารคลีนขึ้นมาอาหารเพื่อสุขภาพและโอกาสก็คือกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุพอดีเขาไปโอกาสของเราโดยน้ำหนัก 0.5 เลยเพราะว่ามันมี 3 คนเองโอกาสนี้ดีมากเลย ได้ยังไงก็คือเราสามารถใช้ประโยชน์ได้มากเลยเราถ่ายไปแล้วเอามาสนับสนุนเราก็ comment ก็คือว่าคนใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเพราะผู้สูงอายุมากขึ้นเขาต้องดูแลตัวเองดีเขาถูกหรือเปล่าเขาก็อยากจะมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างนี้ก็เหมือนกันเลยก็ออกจากเฟสมันมาคุยกับเน็ตเองก็จะได้เป็นเกษตรกรทำเหมือนกันอย่างเช่นอุปสรรค ความสำคัญมันระดับไหนอ่ะให้ไป 0.4 สำคัญมากมีผลกับบริษัทมากน้อยเท่าไหร่หรือว่าอันนี้คือเราจะให้เหตุผลไปเพิ่มเติมว่าในมุมที่ว่ามีผลมากน้อยเท่าไหร่เหลือเท่าไหร่มีการจัดการได้ดีเท่าไหร่ถ้าสมมุติว่าเราวางแผนไว้แล้วว่าเราจะกดอะไรแล้วก็กดส่งไปเร็วที่สุดก็ให้เป็น 3 วางแผนไว้แล้วแต่ยังไม่ได้หมดลงมือทำให้เจ๊ติ๋มไปประมาณ 3 ส่วนบริษัทพอก็เอาไอ้ตรงเวรตรงลูกปืนกับเรซซิ่งก็จะได้เบิกสกอร์โดยทั้งหมดก็คืออย่าลืมว่าตรงเวลาตรงช่องน้ำหนักรวมของทั้งโอกาสเอกสารทุกอย่างต้องรวมให้ได้เป็นส่วนตัวให้ได้เป็นอย่างสูงหลังจากนั้นพอเราวิเคราะห์ ifas รักแล้วเครื่องหมายที่ออกไปตอนแรกเขาจะมากำหนดกลยุทธ์โดยใช้เท้าว่าจะเอามารวมกันก็คือถ้าสมมุติว่าเป็นกลยุทธ์ของ ST ก็คือองศาสนับสนุนอันนี้จะเป็นกลยุทธ์แบบต่อไปถ้าเป็นทีก็จะเป็นการ ภัยคุกคามหรือว่าถ้าเป็นกลยุทธ์ของ w o เอาจุดอ่อนมารถมาเอาโอกาสมาพบจุดอ่อนอย่างที่บอกไปว่าถ้าเอสมันเป็นห่วงทั้งคู่นี้ก็จะเป็นเบอร์แต่ถ้าบิลกับทีเป็นบวกลบหรือว่า S กับ T w o เป็นบวกลบแล้วก็ S กับ T เป็นบวกลบเหมือนกันว่ามันมันหายมันตัดกันลงตัวหมดเลยมันก็จะเป็นคนอื่นแบบสแตนเลสพี่ก็คือคนในการแก้ไขป้องกันก็คือเขามาแก้ไขเอาหมวกมาป้องกัน อันนี้ก็คือว่าจะมีทางออกแล้วก็ภัยคุกคามไม่ใช่ไหมอันนี้จะเป็นตัวเลขปิดจุดอ่อนแล้วก็เพื่อลดอุปสรรคหรือว่ารถไถทุกครั้งที่มีโอกาสไปจะเกิดขึ้นเพราะเนี่ยเรามาวิเคราะห์แล้วก็จะได้กลยุทธ์หลัก 3 แบบในขั้นตอนผ่านมาอย่างที่บอกว่าการกำหนดคนเราต้องทำทั้งแถวใช่ไหมเมื่อกี้วิเคราะห์ SWOT แล้วเท้าเสร็จแล้วเอามากำหนดกลยุทธ์ขององค์กรโดยอะไรไอ้บ้านั่นก็คือกลยุทธ์องค์กรอย่างที่บอกว่าจากเท้าช่วยแก้ไขมันแบ่งได้เป็นทั้งโกรธทั้งเลขายูเอ็นกลยุทธ์องค์กรมีอะไรบ้างและก็คือกลยุทธ์แบบเติบโตโดยแบ่งเป็นกลยุทธ์แบบเข้มข้นแบบรวมตัวแบบกระจายธุรกิจโดยเราสามารถเลือกเอาตรงไหนก็ได้มาใช้เลือกกลยุทธ์ในมาใช้ในการสนับสนุนกลยุทธ์ของธุรกิจองค์กรอันนี้ถ้าสมมุติ ถ้าส่งแล้วเรื่องแบบเข้มข้นเราจะใช้ยังไงวะใช้แบบเดิมไหมแล้วก็ยังทำยังไงเก็บเดิมต่างๆเดิมแล้วก็ทำกลยุทธ์ให้มันมากขึ้นจากเดิมแล้วก็ไปขยายตลาดใหม่เพื่อให้ได้ยอดขายและกำไรมากหรือว่าจะใช้ข้อหลักใหม่ตลาดใหม่ไปเลยคือทั้งนี้ทั้งนั้นก็ถูกหลักสูตรเพื่อให้เพิ่มยอดขายมากขึ้นแล้วก็ให้เหมือนกับถูกเก็บตกลงเพิ่มมากขึ้นต่อไปบริษัทรวมตัวหลวมตัวมันก็จะมีแบบเป็นว่าแนวดิ่งแนวราบรวมตัวไปกับพวก supplier แล้วก็เป็นแนวราบรวมตัวกับธุรกิจที่ทำในแบบว่าอาจจะเป็นธุรกิจธุรกิจระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราเหมือนอย่างเช่นถ้าเป็นของ เพลงใหม่ของมีจุดเด่นในเรื่องของคนพิการรีวิวร้านอาหารเดลิเวอรี่และของธุรกิจที่เป็นธุรกิจธุรกิจอื่นตรงกันในแนวราบเป็นธุรกิจของทั้งคู่ไปด้วยกันแล้วก็ต่อไปเป็นการใช้ความรุนแรงภาษาอังกฤษใหม่ขึ้นมาทดลองจ่ายใหม่เนี่ยมันเกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมหรือว่าไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมคือจะใช้แบบไหนก็ได้ ไปที่นี่คือการใช้ตัวนี้แหละที่ต้องการการแบ่งเป็นว่าจะดูเฉยไหมจะไม่ต้องทำอะไรยอมรับมากรับรายได้ที่น้อยลงแต่ว่าก็ไม่ได้เพิ่มรายจ่ายมากขึ้นเท่าไหร่หรือว่าจะอยู่เฉยๆสร้างภาพสร้างภาพว่าขายดีเพื่อให้อะไรเพื่อให้นักลงทุนมาซื้อหุ้นมากขึ้นไหมเพื่อให้บอกว่าลูกค้าก็คิดว่าอันนี้น่าสนใจเริ่มใหม่อะไรทุกอย่างมันหนักมากขึ้นมาอ่ะและทำให้คนคิดว่าทำไมมีอะไรน่าสนใจบ้างไหมให้มาแล้วก็มาหรือหรือว่าจะยอมอยู่เฉยๆ เป็นการลดค่าใช้จ่ายแล้วก็ไม่ต้องหัวเราะเสียค่าประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นต่อไปก็จะเป็นกลยุทธ์ของดีแทคมีตัวก็จะใช้คล้ายคล้ายกับ product Life Cycle ที่เป็นโชคดีฮัลโหลจำง่ายๆก็คือจะเป็นเหมือนรถยกเลิกจะลดค่าใช้จ่ายรถพนักงานอยู่ว่าจะเลิกกิจการเป็นยังไงมันก็คุยกันเหมือนกันเลยหรือว่าจะเริ่มขายธุรกิจปิดกิจการแล้วก็แบบขายหุ้นเหมือนปล่อยให้บริษัทฯไปเลยจะเป็นกลยุทธ์ที่กำหนดกลยุทธ์ระดับองค์กรแล้วต่อไปก็เลยยกระดับธุรกิจระดับธุรกิจก็จะแบ่งเป็น 2 อันนั่นคือกลยุทธ์ในการแข่งขันกับกลยุทธ์ในการ แข่งขันการตลาดจะมีตั้งแต่เป็นผู้นำทางด้านต้นทุนก็จะมีต้นทุนต่ำกับต้นทุนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพหรือว่าสร้างความแตกต่างแล้วก็ถือว่าจะเป็นเอาโฟกัสกรุ๊ปเป็นผู้นำในการตลาดของกลุ่มอันนี้ก็ปลูกย้อนกลับไปในการทำงานอยู่ที่ว่าเราจะเลือกว่าเราจะทำการตลาดแบบนี้จากไหนแล้วก็จะใช้กลยุทธ์ในการเพื่อที่จะเป็น
กลยุทธ์ระดับธุรกิจแล้วก็สร้างผลกำไรให้กับผู้โดยสาร ต่อไปเป็นกลยุทธ์ระดับมือมันก็จะเป็นเหมือนโลกในแนวดิ่งจะรู้เหมือนกันว่ามันขึ้นทุกวันนี้เขาจะเรียกเราจับมือกับคนที่ทำธุรกิจเหมือนกันแต่ว่าจะเกี่ยวกันก็ได้ก็เก็บคนละธุรกิจสบายแล้วการจับมือกันครั้งแรกอันนี้มันช่วยสนับสนุนของทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มมากขึ้นต่อไปเราจะต้องมานั่งย่อยเป็นแต่ละหน้าที่แต่ละงานแต่ละสายเลยว่าแต่ละอันนี้มีคนจะต้องใช้กลยุทธ์โลจิสติกส์จะต้องกำหนดว่าต้องขนส่งสินค้ามีใครคือพี่ของที่คุ้มค่าหรือว่ายังเป็น อินทรีย์กับต้นไม้ใช้การสร้างแบรนด์มารู้ไหมการวิจัยพัฒนาว่าแต่ละด้านจะต้องใช้กลยุทธ์อะไรแล้วมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยเสริมกลยุทธ์มาเท่าไหร่จบแล้วในส่วนของการนำกลยุทธ์เป็นมาใช้สุดท้ายของการวางแผนกลยุทธ์ก็คือการกำหนดนโยบายองค์กรหรือว่าควรฟรีโดยเฉพาะรายชื่ออยู่ในโลกใบนี้ตอนเนี้ยมันก็คือการที่เรากำหนดนโยบายอะไรก็ตามที่ช่วยสนับสนุนวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นทองดำเนินการไปมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์เช่นนโยบายการใช้อะไรโดยกำหนดขึ้นมาเลยให้เพิ่มจุดประสงค์คือว่าสนับสนุนวัตถุประสงค์ขององค์กรต้องไปขั้นตอนที่ 3 การนำกลยุทธ์ไปใช้โดยหลักของการนำกลยุทธ์ไปใช้กรณีที่เรากำหนดได้จากขั้นตอนที่เราคิดว่าที่ผ่านทุกอย่างในหลักการในการนำไปใช้ในการกำหนดแผนก่อนว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้างอาจจะเขียนเป็นตารางก็ได้เป็นกรณีที่ 1 2 3 4 5 มาจากนั้นกำหนดงบประมาณในแผนการทำงานเนี่ยมันต้องใช้งบประมาณประมาณเท่าไหร่แล้วจากนั้นก็คือกำหนดขั้นตอนการทำงานว่าแผนก็คือว่าจะขยายตลาดส่งออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้งบประมาณเท่าไหร่และมีขั้นตอนอะไรบ้างขั้นตอนสุดท้ายจะเพิ่มเป็นผู้รับผิดชอบเลยแล้วก็กำหนดทำอย่างนี้มาในแผนการดำเนินงานและแผนการดำเนินงานจะเพิ่มก็ได้ว่าเรื่องทำไงเป็นระยะยาวก็คือภายใน 5 ปีทำเป็นตารางเพื่อนำกลยุทธ์ไปใช้เราจะใช้ทั้งหมด 2 อันพี่ๆที่เราจะดูแลเราจะใช้เครื่องมือก็คือ balanced scorecard เลยมาแล้วเป็นตัวเป็นการวิเคราะห์ 4 ด้านเพื่อดูว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของวิสัยทัศน์ไหมซึ่ง KPI นี้ซึ่งก็จะประกอบด้วยอันดับแรกก็คือลูกค้าเรารู้ว่าลูกค้า เท่าไหร่เท่าไหร่ส่วนจะไปการประเมินติดตามและประเมินผลดีที่เกิดขึ้นในกระบวนการใช้ benchmarking เหมือนกันที่เรามีใครเป็นตัวอย่างแล้วเราจะทำให้ตังค์เขาเพราะฉะนั้น benchmarking สิ่งที่สำคัญเลยคิดว่าเราต้องมีคู่เปรียบเทียบและเราเปรียบเทียบเราว่าเราถึงระดับไหนของเขาแล้วเราควรจะต้องดำเนินการยังไงเพื่อที่ว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนเขาไหมหรือว่าในการดำเนินงานในแผนของเราเนี่ยมันทำให้เราเติบโตในแนวทางเดียวกับที่เราหวังไว้โดยทั้งหมดมันก็คือการควบคุมติดตามแล้วก็บำรุงทั้งหมดทั้งวิชาทั้งหมดเลยอยู่ในถ้ำการประเมินผลติดตามประเมินผลของเขาๆๆ บริษัทแล้วอย่าลืมว่าทุกครั้งที่นำกลยุทธ์ไปใช้ก็ต้องมีขั้นตอนต่อไปก็คือการที่เราสร้างมาเนี่ยที่เขาคิดมาเนี่ยตรงดีไม่ดีหรือว่าอะไรผมไม่ได้ติดต่อไปทั้งหมดก็การจัดการเชิงกลยุทธ์ไม่ไปดีกว่า
สรุปการจัดการเชิงกลยุทธ์ MBA ป.โท
Post a Comment