เตรียมตัวอย่างไรก่อนเรียนต่อ MBA
อยากเรียน MBA ต้องเตรียมตัวอย่างไร
จะไปเรียน mba เนี่ยต้องเตรียมตัวยังไงบ้างก็คิดว่ามี 3 สีที่เพื่อนๆควรรู้ก่อนที่จะสมัครเรียน mba อย่างไรก็คือใครสมัครได้บ้างใช่ไหมแล้วก็สมัครช่วงไหนกันหรอแล้วก็จะสมัครยังไงโอเคก็มาดูกันที่ใครสมัครได้บ้างใครก็ได้ที่จริงแล้วที่จบปริญญาตรีสาขาไหนก็ได้แค่มีความสนใจด้านนี้ก็โอเคแล้วเนาะอย่างที่เขาต้องการก็คือมีประสบการณ์ทำงานซึ่งแนำขั้นต่ำของปีเป็นคำว่าการเรียนการสอนใน NBA เนี่ยส่วนมากจะเน้นการแชร์ประสบการณ์กันว่าเราทำงานมาแล้วเป็นยังไงตรงไหนแบบดีไม่ดีเอามาแชร์ให้เพื่อนๆฟังเกิดสมมุติไม่เคยทำงานมาก่อนเลยอ่ะเข้ามาในห้องเนี่ยหนึ่งก็คือจะไม่คิดเลยว่าเขาคุยอะไรกันแล้วก็อย่างที่สองก็คือไม่ได้มีอะไรมาแชร์ให้กับเพื่อนๆในห้องก็จะไม่ได้คุ้มที่จะมาแต่อันนี้ก็คือเป็นแค่ basic requirement ของหลายๆมหาลัยแต่ว่าสำหรับบางโปรแกรมที่พิเศษขึ้นมาหน่อยเพิ่มเติมอันนี้ก็ต้องไปเช็คกันดีๆว่าแต่ละมหาลัยแต่ละโปรแกรมเป็นยังไงต่อมาก็คือสมัครช่วงไหนความพิเศษของ mba ก็คือจะมีให้สมัครด้วยกัน 3 รอบปีรอบที่ 1 เนี่ยก็คือเดือนกันยายนของทุกปีรอบที่ 2 คือประมาณเดือนมกราคมแล้วก็รอบที่ 3 ในก็คือเดือนเมษายนที่นี่มันเวิร์คยังไงใช่ไหมแต่ละรอบก็คือสมมุติว่าอันนี้คือห้องเรียนรอบที่ 1 ใช่ไหมก็มีคนสมัครเต็มไปหมดเลยเนาะแล้วก็คณะกรรมการเขาก็คัดเลือกนักเรียนเข้าไปเต็มห้องละประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ในรอบแรกรอบที่ 2 ก็คล้ายๆกันเลยสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันคัดคนเข้าไปแล้วก็เติมไปอีก 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เพราะฉะนั้นจะเหลือที่ให้รอบที่ 3 เหลืออีกแค่ประมาณ 20 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นจะบอกอะไรก็บอกว่ายิ่งสมัครเร็วก็มีโอกาสมากกว่าแต่สำหรับคนที่แนนรอบที่ 1 ยังไม่พร้อมแม็กยังไม่สูงก็ไปสอบมาก่อนก็ได้แล้วค่อยสมัครรอบ 2 เขาว่ารอบ 2 แต่ก็ยังมีโอกาสให้เราติดตั้ง 60-70 เปอร์เซ็นต์แต่ว่ารอบ 3 เนี่ยจะไม่แนำเพราะว่าที่เหลือน้อยมากเพราะฉะนั้นโอกาสจะติดน้อยมากๆสมัครยังไงอันนี้ก็ขั้นตอนการสมัครน้อยอย่างแรกเลยก็ส่งใบสมัครเดี๋ยวจะพูดให้ฟังว่าต้องใช้อะไรบ้างแต่ละมหาลัยก็จะค่อยส่งอีเมลมาบอกว่าใครจะได้สัมภาษณ์แต่ว่าบางมหาลัยเนี่ยก็มีสัมภาษณ์ทุกคนเลยแล้วก็ข้อ 3 แล้วแต่มหาลัยบางมหาลัยจะมีขั้นตอนที่นอกเหนือไปจากการสัมภาษณ์เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังส่วนมากเดี๋ยวมันก็จบที่การสัมภาษณ์เหนื่อยแล้วก็รอผลละการส่งใบสมัครนี้ก็เป็น List ของสิ่งที่ใช้ในการสมัครเรียน mba นั้นก็ค่อนข้างหลายข้ออยู่ที่เดียวเกรดของปริญญาตรีสำหรับน้องๆที่เรียนปริญญาตรีอยู่ทำเกรดให้ดีๆก็ช่วยในการสมัครเรียน
mba ส่วนคนที่ทำงานแล้ววันนี้ก็แค่ไปขอทานกิจกรรมทางมหาลัยแล้วก็ส่งใบสมัครได้เลยส่วนอันที่ 2 ก็คือแนนจีนเป็นข้อสอบที่ใช้กันทั่วไปในการสมัครเรียนบริหารธุรกิจหลายๆมหาลัยทั่วโลกเลยข้อสอบเนี่ยจะแบ่งออกมาเป็น 4 Part ก็คือพระราชเป็น Class writing ที่ 2 เป็นพิเศษ Listening ว่าพวกหาปัญหาเชาว์อันที่ 3 เป็นข้อเท็จหรือว่าเลขนั้นเองแล้วก็พาที่ 4 อำเภอบ้านผือภาษาอังกฤษรายละเอียดก็ตามนี้เลยเวลาที่ใช้ก็ตามนี้นี่ก็มีเทคนิคการสอบ tcas ก็เดี๋ยวฝากไปดูกันได้สำหรับคนที่สนใจเวลาที่ใช้ในการเตรียมสอบ gmat ก็แนำว่าควรอ่านอย่างน้อยประมาณ 2 เดือนอันนี้คิดว่าเป็นขั้นต่ำที่น่าจะเซฟที่สุดเพื่อให้สอบให้ได้ขนาดนี้ก็โอเคที่ถามว่าแนน gpax เนี่ยจะคิดออกมายังไงใช่ไหมแต่ละแผนกก็จะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไปยังพาแรกเลยจะมีแนนเต็มที่ 6 แนนซึ่งก็แนำให้ทำให้ได้ประมาณ 5 แนนขึ้นไปเนาะสนทนาที่ 2 ปัญหาเช้านี้แนนเต็ม 80 แนนแนำให้ได้ 5 แนนขึ้นไปเหมือนกันสำหรับคนที่จะสมัครตอบอยู่ส่วนพระที่ 3 และพระอาทิตย์ 4 แนนเต็มประมาณมีปัญหาที่สำคัญที่สุดใน Gmail เพราะว่า 2000 นี้แม่จะถูกเอาไปรวมกันแล้วก็คิดเป็นแนนเต็มของ 4G Max แนนเต็ม 800 2000 นี้รวมกันเป็น 800 ได้ยังไงก็ดูได้จากตารางนี้เลยแล้วก็จะรู้ได้ยังไงใช่ไหมว่าเราควรจะได้เท่าไหร่อันนี้ให้ไปดูว่า Everest Gmail ของคนที่เข้าไปได้ของแต่ละโรงเรียนเนี่ยคืออะไรอันนี้ก็เอามาให้ดูของท็อป u20 โรงเรียนทั่วโลกก็ลองดูกันได้หลังจากนั้นก็ต้องมีแนน TOEFL หรือ ielts อันนี้ก็เป็นข้อสอบวัดภาษาอังกฤษส่วนมากมหาวิทยาลัยของอเมริกาใช้ TOEFL ของอังกฤษจะใช้ ielts แต่บางทีก็ดับทั้งสองอย่างที่แนำให้เช็คทางมหาวิทยาลัยเนาะแต่ว่าส่วนมากข้อสอบ TOEFL กับ ielts เนี่ยก็คือเน้นให้ผ่านเกณฑ์เพราะว่าเขาแค่ต้องการทดสอบว่าเราอ่ะพูดรู้เรื่องไหมถ้าสมมุติว่าอยากจะปั๊มแนนให้ไปทำให้ดีให้สูงที่สุดไปเลยแต่ส่วน TOEFL กับ ielts อันไหนเอาแค่ผ่านเกณฑ์ก็พอแล้วต่อมาก็เป็นเรื่องของ resume เคล็ดลับก็คือขอให้เป็น 1 หน้าภาษาต้องกระชับมากๆแล้วก็โชว์ Impact ของเรื่องที่เราทำมาเราก็อาจจะแบ่ง section ประวัติการศึกษาประวัติการทำงานแล้วก็มีกิจกรรมพิเศษต่อมาก็คืออะไร comment เนชั่นลีกเธอหรือว่าจดหมายแนำนั่นเองอันนี้เนี่ยเขาก็จะต้องการ 2 ฉบับด้วยกันของแต่ละโรงเรียนอันนี้จะแตกต่างจากของพวก Master degree อื่นๆ 1 ตรงที่เราจะส่วนมากจะขอจากหัวหน้างานสำหรับคนที่ทำงานแล้วจะไม่ได้ขอจากอาจารย์เหมือนกับมาเจอที่อื่นเนาะแล้วก็ถ้าเกิดคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำธุรกิจที่บ้านไม่มีหัวหน้าอะไรก็สามารถขอได้จากโฟลเดอร์หรือว่าแบบ supplier ว่าลูกค้าที่ทำงานด้วยกันแล้วก็ที่สนิทกันนั่นเองแล้วก็มีคนถามมาเยอะว่าไปคอมเม้นเนชั่นลีกเธอร้องเป็นอัลบั้มนายไหมเป็นก็ดีเพราะว่าถ้ามาหาเราจะได้มั่นใจว่าโอเคคนนี้เคยผ่านประสบการณ์ของโรงเรียนมาแล้วจะได้ทำงานกับคนนี้ด้วยแต่ว่าถ้าเข้าไปคอมเม้นเนี่ยน่าจะเข้ากับโรงเรียนเราได้ดีหรือเปล่าแต่ว่าถ้าเกิดสมมุติว่ารู้จักลำนายแต่ว่าเราไม่ได้ทำงานด้วยกันแต่ว่าเขาไม่รู้หรอกว่าเราเก่งตรงไหนก็แนำว่าไม่จำเป็นว่าต้องให้อารมณ์ในเขียนคืออย่างนี้เนี่ยก็ไม่ได้ให้อารมณ์ในนั้นก็คือใช้หัวหน้างานที่สนิทแล้วดูว่าเราทำงานเป็นยังไงดีตรงไหนเก่งตรงไหนไม่เขียนให้มากกว่าแล้วก็แนำให้ติดต่อน้องหลายๆคนชอบทิ้งไอ้พวกนี้มาทำทีหลังคืออันนี้เราเป็นการขอให้คนอื่นมาช่วยเราใช่ไหมถ้าเรามาขอ 1 อาทิตย์ก่อนดิตายแล้วถ้าเกิดเขาเกิดขึ้นมาเราเนี่ยที่จะรู้สึกว่าทำยังไงดีก็แนำให้ขอ 1 เดือนก่อนเดี๋ยวไลน์เลยติดต่อกันนานๆแล้วก็จะได้ช่วยกันวางแผนด้วยว่าอยากให้เขาอ่ะเขียนออกมาในแนวไหนเพื่อ support ตอรี่ที่เราเขียนลงไปในอีเมลแล้วก็ FC
แต่ก็ช่างมันเถอะฉันและเธอไม่ได้ต้องล้างเองจากสูตรเขามีคำถามให้เราตอบฉันมาก็ถามข้อดีข้อเสียของแคนดิเดตนั่นแหละแล้วก็เหมือนกันทุกโรงเรียนเลยแค่ว่าผลิตอาจจะไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นสมมุติว่าสมัคร 5 โลจะให้อะไร comment เธอคนเดิมเขียนให้ 5 โรงเรียนเลยก็ทำได้เพราะว่าเราแค่ต้องให้เขา Copy paste ลง 5 Link ของโรงเรียนเท่านั้นเองต่อมาก็เป็นภาระของ essay อันนี้ก็เป็นพระที่สำคัญมากๆเหมือนกันซึ่งแต่ละโรงเรียนไหนก็จะมีคำถามมาให้ว่าเขาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเราเพิ่มอันนี้ก็เป็นตัวอย่างคำถามของเขาแบบนี้ก็จะถามว่า Review Application what would you like to know ก็คืออยากบอกอะไรเราเพิ่มหรือว่าแฟนก่อนเดี๋ยวก็วันนั้นรู้สึกเวียนๆของเล่นหรอกก็โวยวาย Important to You อันนี้ก็แล้วแต่มหาลัยต้องไปเช็คกันส่วนมากมันจะคล้ายๆกันก็คือตกลงคุณเป็นใครบอกอะไรเราเพิ่มซึ่งเทคนิคการเขียน essay เนี่ยก็คือแนำให้นำเสนอความเป็นตัวเราออกมาให้มากที่สุดก็ลองนั่งคิดว่าอะไรคือเรื่องราวที่เราอยากจะขายให้เขามันตรงกับความเป็นโรงเรียนของเขาแล้วก็เป็นความเป็นดาวที่จะแตกต่างจากคนอื่นเนาะเราก็ตอบให้ตรงคำถามส่วนมากตอบวะเนี่ยง่ายหลายๆคนก็จะเขียนออกมาได้ว่าแกอยู่ที่เรา Live เนี่ยคืออะไรกันเนี่ยตอบง่ายแต่วายทำไมเราถึงเชื่อในตรงนั้นหรือว่าทำไมเราถึงอยากบอกเขาเรื่องนี้เนี่ยอันนี้จะตอบยากนิดนึงก็แนำให้ใช้เวลาในการพยายามเล่าว่าทำไมเราถึงเชื่อในสิ่งนั้นอันนี้สำคัญมากๆแล้วก็หลายๆคนก็เขียนไม่ออกใช่ไหมหลายๆคนแบบไม่กล้าเขียนสักทีกูไม่ดีคือแนำว่าเขียนดับแรกออกมาให้ได้ก่อนให้เร็วที่สุดเพราะว่ายังไงด่านแรกเนี่ยมันไม่ดีหรอกของนี้นัดแรกก็ห่วยมากๆเลยแนำว่าให้รีบเขียนออกมาเราจะได้พอมีไอเดียแล้วเราค่อยๆพัฒนาจากสิ่งที่เราเขียนในความพยายามมานั่งคิดให้เวอร์ชั่นแรกเพอร์เฟคที่สุดคือเขียนแบบแรกออกมาแล้วก็ยาวแค่ไหนก็ได้เลยไม่ต้องสนใจหมดเลยมีแต่เราก็ค่อยๆมาปรับให้มันกระชับขึ้นให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นพยายามใช้เวลากับมันเยอะๆนิดนึงบางคนทำพาสเสเป็นภาษาสุดท้ายทำไมถึง 1 อาทิตย์ก่อนหน้าไม่ได้ใช้เวลาปรับแก้หนี้แนำว่าให้ใช้เวลากับมันดีกว่าค่อยๆเขียนวันละนิดวันละหน่อยก็ได้แล้วก็หาคนสนิทมาช่วยอ่านเขาจะได้ช่วยดึงความเป็นตัวเราออกมาช่วยดูว่าเฮ้ยมันเล่าน้ำเยอะไปไม่มีเนื้อเลยช่วยแก้อะไรก็คือเช็คคำผิดแล้วก็กลับมาดีๆก่อนส่งเนาะตัวสุดท้ายก็เป็นเรื่องของ Application form หรือว่าใบสมัครนั่นเองอันนี้เนี่ยก็เป็นอันที่หลายๆคนมักจะลืมแล้วก็มาทำใน 24 ชั่วโมงสุดท้ายของเดดไลน์นั่นเองคือจริงๆแล้วคำถามใน Application form มันก็ basic แล้วชื่ออะไรที่อยู่พ่อแม่เป็นใครไม่ใช่ไหมแต่ว่ามันเยอะเราบางทีจะมีคำถามสอดแทรกที่เราแบบมันก็ต้องคิดนิดนึงเพราะฉะนั้นอยากให้เผื่อเวลาในการทำ application form อาจจะสั่ง 1 อาทิตย์ก็ได้ก่อนหน้าเอามาดูก่อนว่ามันมีคำถามอะไรบ้างเพราะว่าให้ทำ 24 ชั่วโมงสุดท้ายเลยเนี่ยโดนแน่นอนแล้วก็อันสุดท้ายก็จะเป็นอื่นๆละอันนี้แล้วแต่มหาลัยส่วนมากทุกมหาลัยเมื่อกี้ที่พูดมาทั้งหมดคือพอแล้ว แฟชั่นมหาลัยไหนก็จะมีในเรื่องของ Video Interview อาจจะต้องให้อัดวีดีโอแนำตัวแล้วก็สำหรับคนที่สมัครเป็นปีที่ 2 หรือสมัครซ้ำมันจะมี viartril-s ก็คือเขาจะถามว่าปีที่แล้วคุณก็สมัครเน็ตแล้วปีนี้คุณไปทำอะไรมาพัฒนาอะไรมาให้ตัวเองดีขึ้นมันก็ต้องเขียนอธิบายนิดนึงเนาะราคาก็หมดไปแล้วเมื่อกี้ได้นั่นก็คือ submit application ไปแล้วเสร็จแล้วก็นั่งรอเฉยๆชิวๆรอเตรียมสัมภาษณ์รออีเมลเขาจะส่งมาบอกว่าเราได้สัมภาษณ์ไหมแต่ว่าสำหรับบางมหาลัยก็อาจจะเรียกเกือบทุกคนแบบภายใน 2 อาทิตย์ก็มารับสมัครมหาลัยก็รอเป็นเดือนก็แล้วแต่ส่วนในเรื่องของการสัมภาษณ์สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือเรื่องเวลาและสถานที่บางทีเขาก็จะบินมาที่ไทยบางทีเขาก็จะให้เราต้องบินไปคือเขาแนบต่างประเทศก็แล้วแต่น่าจะ
ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีประมาณนี้แหละเกือบทุกมหาลัยเลยเนาะเช่นการสัมภาษณ์มี 2 แบบมีแบบสัมภาษณ์จัดคอมหรือว่าสัมภาษณ์กับนายว่าจะแตกต่างกันออกไปสำหรับการสัมภาษณ์กับแอ๊ดคอมก็จะเป็นคนที่อ่าน Application ของเรามาแล้วเนาะ resume อะไร Application form ที่ส่งไปเนี่ยเขารู้หมดแล้วเพราะฉะนั้นเวลาเขามาเนี่ยเขาแค่อยากมาเติมสิ่งที่เขาอยากรู้เพิ่มเติมถามหน่อยก็จะลึกหน่อยจะถามโปรเจคอยู่เหล้ามาแบบนี้งงอยากให้อธิบายเพิ่มหรือว่าอยู่บอกว่าอยู่อยากจะเป็นอย่างนี้แบบเหมือนยังไม่เคลียร์ขอให้อธิบายเพิ่มถ้าเกิดเป็นสัมภาษณ์กับลำนารายณ์จะเป็นคนที่ไม่เคยอ่าน Application ของเรามาก่อนเลยเพราะฉะนั้นคำถามเขาหน่อยก็จะเป็นแนวแบบ jenis jenis resepi เรียนหรือว่าอะไรบ้างก็คือคำถามในการสัมภาษณ์ก็ไป Google ออนไลน์ได้เลยมีคนมาโพสเยอะมากๆในเรื่องประสบการณ์การสัมภาษณ์ของแต่ละคนก็สามารถเตรียมคำถามได้จากตรงนั้นแล้วก็สัมภาษณ์เสร็จก็ไม่มีอะไรแล้วนี้รอผลส่วนมากทุกทีก็จบแล้วล่ะแต่ว่าสำหรับบางมหาลัยก็จะมีขั้นตอนพิเศษเช่นขอโพสต์ into affection ของเค้าหมดนี่เองที่ต้องการลงนี้ก็คือสัมภาษณ์เสร็จภายใน 24 ชั่วโมงต้องเขียน essay ว่า Interview ไปรับรู้สึกยังไงอันนี้ก็เป็นขั้นตอนพิเศษต้องไปเช็คนิดนึงว่าแต่ละมหาลัยเป็นยังไงก็จบไปแล้วกับสิ่งที่ควรรู้ก่อนเตรียมสมัคร mba อันนี้ก็เป็นสรุปสิ่งที่พูดมาวันนี้ก็กดพอก็อ่านได้ส่วนไฟล์ presentation อันนี้มีก็มีลิงไว้ให้ดาวน์โหลดสำหรับใครที่อยากเก็บไว้ก็ขอให้ทุกคนสู้ๆในการสมัครเรียน mba มันก็เหนื่อยเหมือนกัน process นี้โดยเฉพาะการเขียน essay งานเป็นอะไรที่ต้องคุยกับตัวเองเยอะมากๆตอนนี้ก็รู้สึกว่าไอ้พวกเศรษฐีคุณธรรมแค่เราเนี่ยเข้าใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้นมากๆเลยก็สู้ๆแล้วก็เดี๋ยวแคปหน้านี้จะมาบอกเทคนิคการทำ application ให้ครบถ้วนแล้วก็โดนใจกรรมการ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนเรียนต่อ MBA
Post a Comment