[Management] ประวัติศาสตร์การบริหารจัดการ
ประวัติศาสตร์การบริหารจัดการ MBA PDF
ประวัติศาสตร์การบริหารจัดการ ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการการบริหารจัดการให้ได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้แบ่งออกเป็น
4 กลุ่มสำคัญสำคัญดังนี้กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มการจัดการแบบดั้งเดิมแอดมินที่ 2
คือกลุ่มการจัดการโดยเน้นมนุษยสัมพันธ์กับกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มการจัดการในเชิงปริมาณและกลุ่มที่
4 กลุ่มการบริหารจัดการปัจจุบันมี 4 กลุ่มต่อไปไม่เหม็นคือการบริหารจัดการแบ่งออกเป็น
3 ระดับไหนระดับที่ 1 ก็คือระดับสูงก็คือ Top management
ระดับต่อมาคือระดับกลางก็คือมิดเดิ้ล management ระดับที่ 3 คือระดับล่างคือ Lower
management คันนี้เรามาดูปัจจัยทางด้านการจัดการซึ่งมันจะมีอยู่ด้วยกันก็คือมี 4m
6m แล้วก็แปะเต็มวันนี้เรามาดูในแต่ละ M นั้นมีอะไรบ้างเอ็มแรกก็คือแมนแมนคือคนบุคลากรคนเนี่ยเต็มที่
2 คือมันนี่ก็คือเงินเงินลงทุนเงินต่างๆต่อไป material คือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆต่อไปมีธุระก็คือวิธีการต่อไปคือมาเก็บก็คือตลาดคือการตลาดนั้นเอง
Machine Machine คือเครื่องจักรเครื่องกลเครื่องจักรต่างๆและสุดท้ายคือ malt
คือคุณธรรมการบริหารจัดการที่ดีต้องมีคุณธรรมด้วยโปรเซสเม้นก็คือกระบวนการบริหารจัดการซึ่งประกอบไปด้วย
input input คือการนำเข้าการนำเข้า input ซึ่งจะประกอบไปด้วย cm 6m 8m ก็แล้วแต่แล้วก็มาสู่กระบวนการโปรเซสคือกระบวนการกระบวนการต่างๆซึ่งกระบวนการนี้ก็อาจจะใช้โมเดลต่างๆอาจจะใช้ทฤษฎีต่างๆเช่น
polc posdc หรือว่า to sdc rdf เป็นกระบวนการ management ต่างๆเสร็จแล้วออกไปก็จะเป็น
output output ก็จะประกอบไปด้วย of Active คือวัตถุประสงค์แล้วก็โกงก็คือเป้าหมายซึ่ง
input process output นั้นจะต้องมีกระบวนการที่เรียกว่า feedback
ก็คือการย้อนกลับของข้อมูลนี่คือ Project management ต่อไปการจัดการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ไซส์
L ก็คือ
เป็นความรู้เขาเรียกว่าโนเลจความเข้าใจในหลักวิชาการบริหารจะต้องมีจะต้องมีความรู้มีโนเลจก็คือตัว
k จะต้องมีอาร์ตก็คือเป็นทักษะที่เกิดจากความเ****วชาญชำนาญในการปฏิบัติงานก็คือโดยการจัดการผู้จัดการจะต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์คือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถนำความรู้นั้นไปปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การดำเนินงานได้ผลได้ประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ออฟเจคทีฟเนี่ยและเป้าหมาย
Goal ที่กำหนดไว้ทฤษฎีการจัดการที่สำคัญแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้เมื่อคืนนึงกลุ่มทฤษฎีการจัดการแบบคลาสสิคกรมที่
2
คือกลุ่มทฤษฎีการจัดการแบบเน้นมนุษยสัมพันธ์คือกลุ่มทฤษฎีการจัดการเชิงปริมาณและกลุ่มที่
4 คือกลุ่มทฤษฎีการจัดการเป็นปัจจุบันคราวนี้เรามาดูวิวัฒนาการแนวคิดและทฤษฎีทางด้านบริหารจัดการซึ่งเราจะย้อนไป
7500 ปีมาจนถึงปัจจุบัน 5,000 ก่อนคริสตศักราช DC นี้คือก่อนคริสตศักราชไหม 500
ปีก่อนคริสตศักราชชาวสุเมเรียนได้จัดทำบันทึกความสำเร็จในการทำงานไว้ 4,000 2600
ก่อนคริสตศักราชชาวอียิปต์วางแผนจัดองค์การควบคุมและกระจายอำนาจ 1100
ก่อนคริสตศักราชชาวจีนให้ความสำคัญในการออกแบบการจัดโครงการ 350
ก่อนคริสตศักราชชาวกรีกประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ในการบริหารงาน 325
ก่อนคริสตศักราชอเล็กซานเดอร์ตั้งคณะที่ปรึกษาให้คำแนำในการบริหารงาน 280
วีดีโอแถวเรียนมอบหมายอำนาจหน้าที่ในการทำงานคริสตศักราช 1776
ประยุกต์ใช้หลักความชำนาญในการทำงานศตวรรษที่ 17-18
ปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษและยุโรปตะวันออกโดยอังกฤษเป็นหลัก 1,000 869 gulick and
urwick สร้างทฤษฎีการจัดการให้ฝ่ายบริหารดำเนินการเขาเรียกว่าโพสต์คือ p o s d
Gerrard คิดฉลาด 1881 frederick W Taylor
การจัดการแบบวิทยาศาสตร์หาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 1920
ได้เสนอรูปแบบการจัดการองค์กรระบบราชการให้มีประสิทธิภาพในการเริ่มมีระบบราชการเข้ามาแล้วในช่วงนี้คริสตศักราช
1925 เฮนรี่ฟาโยนำหลักการบริหารจัดการโดยภาพรวมหรือบูโรการคิดตลาด 1985 edwards
deming สร้างคุณภาพมาตรฐานสินค้า iso และควบคุมคุณภาพด้วย tqm คริสตศักราช 1990
Michael Hammer การจัดการแบบออกคำสั่งหรือระบบเป็นผู้จุดชนวนโดยใช้โมเดล
reengineering 2500 Peter f drucker
การบริหารจัดการยุคใหม่บริหารตามวัตถุประสงค์ขององค์การที่เรียกว่า mbo กลุ่มการจัดการแบบคลาสสิค
Classic perspective แบ่งออกเป็น 3 แบบแบบที่ 1 คือการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ป 2
การจัดการแบบระบบราชการ 3 การจัดการตามหลักการบริหารแล้วมาดูวันที่ 1 กลุ่มการจัดการแบบวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการจัดการที่อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพโดยใช้หลักเหตุผลสามารถพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยผู้ที่คิดค้นคือ
frederick W Taylor ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบิดาของการจัดการแบบวิทยาศาสตร์โดยสร้างแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ในการหาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดมุ่งให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ความรู้ความสามารถมากที่สุดการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพยายามลดต้นทุนแล้วก็เพิ่มกำไรรวมถึงเพิ่มค่าจ้างให้คนงานที่สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นโดยถือหลักของการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมนี่คือกลุ่มการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
frederick W Taylor ต่อไปหลักการจัดการทางวิทยาศาสตร์มีหลักการดังต่อไปนี้ก็คือหนึ่งอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือหลักของเหตุผลเพื่อที่จะ
ค้นหาวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพที่สุด
2
กำหนดมาตรฐานของงานคุณภาพและปริมาณและปริมาณของผลงานที่ต้องการโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับผู้ปฏิบัติใน
3
มีการพิจารณาผลตอบแทนในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผลผลิตซึ่งลักษณะที่สำคัญ
4 ประการการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของเทเลอร์นั้นประกอบไปด้วย 1
พัฒนาความรู้ในวิธีการทำงานโดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์ป 2
ต้องมีการคัดเลือกและพัฒนาคนงานโดยใช้หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมกับงานทำให้งานที่ทำมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
3 มีการร่วมมือกันอย่างจริงจังในการทำงานจากทุกฝ่ายและ 4 มีการแบ่งงานกันทำตามความเหมาะสมผลงานที่สำคัญของ
Taylor 1 การใช้ระบบค่าตอบแทนรายชิ้นทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย
2
หลักการเสียเวลาเป็นการศึกษาเพื่อหาเวลามาตรฐานในการทำงานแต่ละชิ้นว่าควรจะใช้เวลาเท่าใดโดยใช้หลัก
put the right Man in the right Job 3
หลักการทำงานตามแบบวิทยาศาสตร์โดยฝ่ายบริหารควรกำหนดวิธีการและมาตรฐานในการปฏิบัติงานโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถวัดและตรวจสอบได้
method and Two 4
หลักการแยกงานด้านการวางแผนออกจากงานปฏิบัติโดยงานด้านการวางแผนเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารส่วนงานด้านการปฏิบัติเป็นหน้าที่ของคนงานไหม
5
หลักการควบคุมโดยฝ่ายจัดการผู้จัดการควรได้รับการฝึกที่ดีสามารถวางแผนและควบคุมการปฏิบัติงานได้
6 หลักการจัดระเบียบการปฏิบัติงานการปฏิบัติงานต้องมีกฎระเบียบเพื่อ งานมีประสิทธิภาพต่อไปเป็นการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ
Henry L gantt Henry L Gran เป็นวิศวกรเครื่องกลได้ร่วมงานกับเทเลอร์แล้วก็ร่วมกันสร้างผลงานหลายอย่างเช่นการฝึกอบรมให้กับพนักงานเพื่อเพิ่มผลผลิตหรือว่าเทนนิ่งและการสร้างแรงจูงใจ
motivation ผลงานของ grand ที่สำคัญได้แก่พัฒนาแผนภูมิบันทึกความก้าวหน้าของงานซึ่งเทียบกับเวลาในการชาร์จหรือว่ามาชาร์จต่อมาเรียกว่าเพิร์ธคือ
p e r t ย่อมาจากโปรแกรม alisa and Review technique
คือระบบการจูงใจโดยการให้โบนัสโดยแกรนด์เนี่ยเชื่อว่าคนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของปัญหาด้านการจัดการทั้งหมดซองได้รับ
Post a Comment